Posted on

💥 ผ่าเศรษฐกิจ 2 ยุค! “ปรีดี” วางรากฐาน VS “ทักษิณ” จุดพลุ! แบบไหนโดนใจกว่า? 💥

เศรษฐกิจไทย! เปรียบเทียบแนวคิดปรีดี vs ทักษิณ ฟื้นฟูรากฐานเศรษฐกิจในแบบไหนใช่ที่สุด?

เศรษฐกิจไทย! เปรียบเทียบแนวคิดปรีดี vs ทักษิณ ฟื้นฟูรากฐานเศรษฐกิจในแบบไหนใช่ที่สุด?

เส้นทางเศรษฐกิจของประเทศไทยเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย แต่แนวคิดของผู้นำระดับตำนานก็มีผลมากมาย มาดูกันว่าแนวคิดของ “ปรีดี พนมยงค์” กับ “ทักษิณ ชินวัตร” ต่างกันอย่างไร พร้อมจุดแข็งและจุดอ่อนแบบกระชับ เข้าใจง่าย หารือกันว่าหากผสมผสานกันจะเกิดอะไรขึ้น!
ปรีดี พนมยงค์

แนวคิดของปรีดี พนมยงค์

เน้นสร้างรากฐานใหม่ให้เศรษฐกิจไทย โดยใช้หลักสังคมนิยมและประชาธิปไตย รัฐเป็นเจ้าของทรัพยากรและสนับสนุนให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากขึ้น

  • ระบบสังคมนิยมตามหลักประชาธิปไตย
  • รัฐเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิตหลัก
  • เน้นการกระจายรายได้และทรัพยากรอย่างเป็นธรรม
  • สนับสนุนกลุ่มชาวนา กรรมกร และชนชั้นรากหญ้า

จุดแข็ง: เน้นความยั่งยืน ลดความเหลื่อมล้ำ ช่วยสร้างรากฐานชาติในระยะยาว

จุดอ่อน: ยากที่จะทำให้เกิดผลเป็นรูปธรรมเร็ว เนื่องจากชนชั้นนำไม่เห็นด้วย

ทักษิณ ชินวัตร

แนวคิดของทักษิณ ชินวัตร

ทฤษฎีและนโยบายประชานิยม เติมเงิน เติมโอกาส จุดประกายเศรษฐกิจฐานรากขึ้น

  • กองทุนหมู่บ้าน
  • 30 บาทรักษาทุกโรค
  • OTOP
  • SML
  • 1 ทุน 1 อำเภอ

จุดแข็ง: นโยบายท่านเห็นผลไว ประชาชนเข้าถึงได้จริง มีเงินมีทองหมุนเวียน แถมยังดึงเอกชนเก่งๆ เข้ามาช่วยพัฒนาบ้านเรา

จุดอ่อน:บางคนก็ว่าเราพึ่งพารัฐมากไปหน่อย แถมบางทีก็เน้นแต่เรื่องใกล้ตัว มองข้ามการพัฒนาโครงสร้างใหญ่ๆ ในระยะยาว

เทียบกันชัดๆ : ตรงประเด็น

ประเด็น

ปรีดี พนมยงค์ (2477)

ทักษิณ ชินวัตร (2544 เป็นต้นมา)

แนวคิดหลัก

สังคมนิยมแบบประชาธิปไตย เน้นพึ่งตนเอง

ทุนนิยมผสมประชานิยม เน้นสร้างโอกาส

กลุ่มเป้าหมายหลัก

ชาวนา กรรมกร ปัญญาชนรุ่นใหม่

คนรากหญ้า ผู้มีรายได้น้อย ธุรกิจเล็ก

เครื่องมือสำคัญ

ธนาคารรัฐ, สหกรณ์, ภาษีเป็นธรรม, การศึกษา

กองทุนหมู่บ้าน, 30 บาท, OTOP, 1 ทุน 1 อำเภอ.

บทบาทของรัฐ

เป็นเจ้าของหลัก กำกับตลาด

สนับสนุนให้ประชาชนทำมาค้าขายเอง


แก้จนยังไง?

จัดสรรใหม่ กระจายที่ดิน ผลิตเอง

เติมทุน เพิ่มโอกาส กระตุ้นกำลังซื้อ

พัฒนาชุมชนแบบไหน?

สร้างความเข้มแข็งผ่านสหกรณ์ การศึกษา

ลงเงินตรง ให้ชุมชนจัดการเอง

นโยบายที่สำคัญของปรีดี พนมยงค์ ได้แก่ :

  • การเปลี่ยนแปลงการปกครอง:

    ปรีดีเป็นหนึ่งในผู้นำคณะราษฎรที่มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ 

     
  • รัฐธรรมนูญ:

    ปรีดีมีส่วนร่วมในการร่างรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับแรกของไทย และให้ความสำคัญกับหลักนิติธรรมและการปกครองโดยกฎหมาย 

  • เศรษฐกิจ:

    ปรีดีเสนอ “เค้าโครงการเศรษฐกิจแห่งชาติ” ซึ่งมีแนวคิดให้รัฐเข้ามามีบทบาทในการบริหารจัดการเศรษฐกิจมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการควบคุมการค้าข้าว และการให้รัฐบาลเป็นผู้จัดสวัสดิการให้แก่ประชาชน 

  • ประชาธิปไตย:

    ปรีดีให้ความสำคัญกับหลักประชาธิปไตยสมบูรณ์ ซึ่งประกอบด้วยประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจ ประชาธิปไตยทางการเมือง และทัศนคติทางสังคมที่เป็นประชาธิปไตย 

  • สวัสดิการสังคม:

    ปรีดีเชื่อว่ารัฐบาลควรมีหน้าที่ประกันความเป็นอยู่ของประชาชนตั้งแต่เกิดจนตาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดูแลผู้ที่เจ็บป่วย พิการ หรือชราภาพ 

  • การสร้างความเข้มแข็งของประเทศ:

    ปรีดีมุ่งหวังให้ประเทศไทยมีความเข้มแข็งทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม โดยเน้นการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนและเป็นธรรม 

นโยบายของปรีดีมีความสำคัญเนื่องจาก :
 
  • เป็นรากฐานของระบอบประชาธิปไตยในประเทศไทย:

    แนวคิดและข้อเสนอของปรีดีเป็นส่วนสำคัญในการวางรากฐานการปกครองในระบอบประชาธิปไตยของไทย 

  • สร้างความเปลี่ยนแปลงทางสังคมและเศรษฐกิจ:

    แนวคิดของปรีดีเกี่ยวกับสวัสดิการสังคมและบทบาทของรัฐในการบริหารเศรษฐกิจได้สร้างความเปลี่ยนแปลงและความคาดหวังใหม่ๆ ให้กับสังคมไทย 

  • เป็นแบบอย่างของการพัฒนาประเทศ:

    แนวคิดของปรีดีเกี่ยวกับการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนและเป็นธรรม ยังคงเป็นแนวทางที่น่าสนใจสำหรับการศึกษาและพัฒนาประเทศในปัจจุบัน 

 

นโยบายที่สำคัญของทักษิณ ชินวัตร ได้แก่ :

1. นโยบายขจัดความยากจน

2. นโยบายพัฒนาคนและสังคมที่มีคุณภาพ

3. นโยบายปรับโครงสร้างเศรษฐกิจให้สมดุลและแข่งขันได้

4. นโยบายบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

5. นโยบายการต่างประเทศและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ

6. นโยบายพัฒนากฎหมายและส่งเสริมการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี

7. นโยบายส่งเสริมประชาธิปไตยและกระบวนการประชาสังคม

8. นโยบายรักษาความมั่นคงของรัฐ

9. นโยบายตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ

บทสรุปแบบเข้าใจง่าย

ท่านปรีดี เหมือนสถาปนิกที่วางแผนสร้างบ้านใหม่ให้แข็งแรงตั้งแต่เสาเข็ม

ท่านทักษิณ เหมือนคนมาช่วยต่อเติมบ้านให้สวยงาม น่าอยู่ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน

ถ้าเอาแนวคิดของทั้งสองท่านมารวมกัน อาจจะทำให้เศรษฐกิจบ้านเราเติบโตแบบมั่นคงและยั่งยืน พี่น้องมีกินมีใช้ ไม่ต้องกลัวน้อยหน้าใคร!

แล้วพี่น้องชาวไทย ล่ะครับ คิดว่าแนวทางไหนโดนใจกว่ากัน? หรืออยากให้มีนโยบายแบบไหนเพิ่มเติม? มาคอมเมนต์คุยกันได้เลย!

ท่านปรีดี เหมือนสถาปนิกที่วางแผนสร้างบ้านใหม่ให้แข็งแรงตั้งแต่เสาเข็ม

ท่านทักษิณ เหมือนคนมาช่วยต่อเติมบ้านให้สวยงาม น่าอยู่ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน

ถ้าเอาแนวคิดของทั้งสองท่านมารวมกัน อาจจะทำให้เศรษฐกิจบ้านเราเติบโตแบบมั่นคงและยั่งยืน พี่น้องมีกินมีใช้ ไม่ต้องกลัวน้อยหน้าใคร!

แล้วพี่น้องชาวไทย ล่ะครับ คิดว่าแนวทางไหนโดนใจกว่ากัน? หรืออยากให้มีนโยบายแบบไหนเพิ่มเติม? มาคอมเมนต์คุยกันได้เลย!

Posted on

โครงการ พัฒนาศักยภาพหมู่บ้านและชุมชน(SML)

เปิดทางสู้! กองทุนหมู่บ้าน 2568 โอกาสใหม่เพื่อชุมชนมั่นคง

🚀 เปิดทางสู้! กองทุนหมู่บ้าน 2568 โอกาสใหม่เพื่อชุมชนมั่นคง

ชุมชนร่วมใจพัฒนา

ชุมชนร่วมใจพัฒนา: พลังแห่งการเปลี่ยนแปลงจากภายใน (สำหรับชุมชนชนบท)

"ชุมชนร่วมใจพัฒนา" ไม่ใช่แค่คำพูดสวยหรู แต่คือแนวทางที่แท้จริงในการแก้ไขปัญหาและสร้างสรรค์ชุมชนของเราให้ดีขึ้นได้ด้วยมือของเราเอง ลองนึกภาพดูว่า ถ้าเราทุกคนในหมู่บ้าน ร่วมมือกันคิด ร่วมกันทำ จะเกิดอะไรขึ้น?

🔍 5 จุดเด่นกองทุน SML ปี 68 ที่ชาวกองทุนหมู่บ้านต้องรู้!

  • ✅ ใช้งบตามจำนวนประชากร 3 ขนาด (เล็ก-กลาง-ใหญ่)
  • ✅ สร้างงาน-เพิ่มทักษะอาชีพทุกด้าน ทั้งผลิต-แปรรูป-ตลาด
  • ✅ จัดซื้อจัดจ้างแบบยืดหยุ่น ไม่ต้องตามระเบียบราชการ
  • ✅ ใช้งบร่วมกับหมู่บ้านใกล้เคียงได้
  • ✅ ตรวจสอบโปรงใส 4 ชุด คณะทำงานคุมเข้ม

⏰ ระยะเวลาสำคัญ

    กทบ การเตรียมความพร้อมล่วงหน้า มีชัยไปกว่าครึ่ง โครงการสนับสนุน เสริมสร้าง ศักยภาพกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองอย่างมั่นคง

  • ✅ เตรียมพร้อมก่อนยื่นขอรับโครงการ เตรียม สำเนาใบสำคัญการจดทะเบียนนิติบุคคล + รับรองสำเนาถูกต้อง เตรียม สำเนางบการเงิน ณ วันที่ 31 ธันวาคม ของปี 2566 และปี 2567 เตรียม สำเนาบันทึกการประชุมฯ หรือเอกสารที่มีมติรับรองการคณะกรรมการ กองทุนหมู่บ้าน (ชุดปัจจุบัน) หาก หมควาระ ให้รีบดำเนินการจัดเลือกใหม่ เตรียม สร้างการรับรู้ ให้สมาชิก และครัวเรือน ได้รับทราบล่างหน้าทั่วถึง
  • ✅ เตรียมพร้อมเมื่อมีประกาศฯ รอแบบฟอร์มฯ ที่เกี่ยวข้อง เช่น หนังสือนำส่ง/คำขอโครงการ/ รายงานประชุมประชาคม/ใบลงทะเบียน/รายชื่อคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้าน/และอื่นๆ รวบรวมเอกสาร ตามขอ 1. และ ข้อ 2. ส่งตามช่องทางที่กำหนด
  • ✅ เตรียมดำเนินการหลังได้รับงบประมาณ เตรียมเก็บเงินจากผู้รับจ้าง (ร้อยละ 1) หักภาษี ณ ที่จาย ส่งสรรพากรพื้นที่ รายงานหลังการเบิกจ่ายเงิน (ภายใน 30 วัน) รายงานเมื่อดำเนินโครงการเสร็จสิ้น (กายใน 30 วัน) รายงานเมื่อดำเนินโครงการ (ครบ 6 เดือน)

📊 วงเงินจัดสรรตามขนาดชุมชน

ขนาดวงเงินตามจำนวนประชากร

เล็ก (≤500 คน: 3 แสนบาท | กลาง (501-1,000 คน): 4 แสนบาท | ใหญ่ (≥1,001 คน): 5 แสนบาท

📝 4 ขั้นตอนขอเงินทุนแบบง่ายๆ

  1. จัดประชุมหมู่บ้าน (ต้องมีผู้แทนครึ่งครัวเรือน + สมาชิกครึ่งกองทุน)
  2. เสนอโครงการผ่านระบบออนไลน์/เอกสาร
  3. รอตรวจสอบคุณสมบัติ (3 วันทำการ)
  4. รับโอนเงินผ่านธนาคารเป้าหมาย

💡 ต้นแบบโครงการเด็ด!

🏭 โครงการ ต่อยอดศูนย์ออกกําลังกายชุมชน งบประมาณ 47,380 บาท พื้นที่ดําเนินการ ชุมชนตาชี เทศบาลตําบลห้วยยอด อําเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง ประธานกลุ่ม/โครงการ นายเทิดศักดิ์ หิรัญวัฒนะ

Posted on

เงินกองทุนหมู่บ้านสามารถถูกยึดได้ไหม?

เงินกองทุนหมู่บ้าน ใครเป็นเจ้าของ? เจ้าหนี้จะมายึดได้หรือ

เงินกองทุนหมู่บ้าน ใครเป็นเจ้าของ? เจ้าหนี้จะมายึดได้หรือไม่ ?

หลายครั้งที่เราได้ยินข่าวว่าเจ้าหนี้พยายามที่จะยึดทรัพย์สินของลูกหนี้เพื่อชำระหนี้ แต่ทรัพย์สินบางอย่างก็ไม่สามารถถูกยึดได้ตามกฎหมาย หนึ่งในนั้นคือ "เงินกองทุนหมู่บ้าน"

คำพิพากษาฎีกาที่ ๒๒๗/๒๕๖๗ ได้ตัดสินเกี่ยวกับประเด็นนี้อย่างชัดเจน โดยศาลฎีกาเห็นว่าเงินในบัญชีของกองทุนหมู่บ้าน ไม่ใช่เงินของจำเลยที่เป็นหนี้ แต่เป็นเงินของกองทุนหมู่บ้าน ซึ่งมีสถานะเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายเฉพาะ

กองทุนหมู่บ้านมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนคือการเป็นแหล่งเงินทุนหมุนเวียนสำหรับพัฒนาอาชีพ สร้างรายได้ และช่วยเหลือประชาชนในหมู่บ้าน ดังนั้น เงินทุนเหล่านี้จึงต้องถูกใช้ไปในทางที่ถูกต้องตามกฎหมายกำหนด

    คำพิพากษาศาลฎีกา ที่ ๒๒๗/๒๕๖๗ วันที่ ๒๓ เดือน มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๗

    ความแพ่ง

    ระหว่าง

    นายอ้วน สุรินทร์ ที่ ๑ นายสุริยนต์ จันต๊ะ ที่ ๒ โจทก์

    ธนาคารออมสิน ผู้คัดค้าน

    กองทุนหมู่บ้างหนองฮ่าง หมู่ที่ ๑๐ ตำบลแม่คะ อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ จำเลย

    เรื่อง ตัวแทน (ชั้นบังคับคดี)

    จำเลย ฎีกาคัดค้าน คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๕ ลงวันที่ ๑๗ เดือน สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕

    ศาลฎีกา รับวันที่ ๑๐ เดือน สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖

    คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ทั้งสองคนละ ๒๓๔,๗๘๘.๕๓ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๑) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค ๕ พิพากษายืน จำเลยยื่นคำร้องร้องขออนุญาตฎีกา ศาลฎีกามีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยฎีกา จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์ทั้งสองขอให้บังคับคดี ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ออกหมายบังคับคดีตามคำขอของโจทก์ทั้งสอง

    โจทก์ทั้งสองยื่นคำร้องว่า โจทก์ทั้งสองยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีขอให้มีคำสั่งอายัดเงินในบัญชีเงินฝากของจำเลยที่เปิดไว้กับ ผู้คัดค้าน บัญชีเลขที่ ที่ ๐๕๐๖๗๐๗๔๔๕๗๗ จำนวน ๙๙,๐๐๐ บาท และบัญชีเลขที่ ๐๕๐๖๗๐๗๔๖๓๔๑ จำนวน ๑๙๐,๐๐๐ บาท รวมเป็นเงิน ๒๘๙,๐๐๐ บาท เจ้าพนักงานบังคับคดีมีหนังสือแจ้งอายัดสิทธิเรียกร้องของจำเลยไปยังผู้คัดค้านแล้ว แต่ผู้คัดค้านมีหนังสือแจ้งเจ้าพนักงานบังคับคดีว่า เงินฝากของจำเลยในบัญชีดังกล่าวเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินต้องห้ามมิให้ยึดหรืออายัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๐๗ และเป็นทรัพย์สินที่ไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๓๐๑ (๕) และผู้คัดค้านไม่ส่งเงินฝากของจำเลยในบัญชีดังกล่าวให้แก่เจ้าพนักงานบังคับคดี โจทก์ทั้งสองเห็นว่าตามพระราชบัญญัติกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗ มาตรา ๑๔ ระบุว่าจำเลยไม่เป็นส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ ดังนั้น เงินฝากของจำเลยจึงไม่ใช่ทรัพย์สินของแผ่นดินที่ต้องห้ามมิให้ยึดหรืออายัด แต่เป็นทรัพย์สินที่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี ขอให้ผู้คัดค้านสูงเงินฝากของจำเลยตามที่โจทก์ทั้งสองขออายัดรวมเป็นเงิน ๒๘๙,๐๐๐ บาท แก่เจ้าพนักงานบังคับคดี หากไม่ส่งขอให้ผู้คัดค้านชำระค่าสินไหมทดแทนเท่าจำนวนเงินดังกล่าวแก่โจทก์ทั้งสองตามประมวงกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๓๒๑

    จำเลยยื่นคำร้องและคำคัดค้านในทำนองเดียวกันว่า เงินที่โจทก์ทั้งสองขออายัดทั้งสองบัญชีไม่ใช่เงินของจำเลย แต่เป็นทรัพย์สินของแผ่นดินเพราะเงินในบัญชีแรกเป็นเงินที่กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้นำมาจัดสรรอุดหนุนแก่จำเลยเพื่อให้จำเลยบริหารจัดการแทนรัฐบาล ส่วนเงินในบัญชีที่สองเป็นเงินที่สมาชิกของจำเลยนำมาลงหุ้นและฝากไว้กับจำเลยซึ่งพระราชบัญญัติกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติพ.ศ. ๒๕๔๗ มาตรา ๖ (๓) บัญญัติให้เงินดังกล่าวเป็นทุนและทรัพย์สินที่ใช้ในการดำเนินการของจำเลย จึงไม่อยู่ภายใต้การบังคับคดี ขอให้ยกคำร้องของโจทก์ทั้งสองและมีคำสั่งเพิกถอนการอายัดเงินฝากทั้งสองบัญชีดังกล่าว

    ผู้คัดค้านอื่นคำคัดค้านว่า จำเลยเป็นหน่วยงานของรัฐ เงินในบัญชีของจำเลยเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินต้องห้ามมิให้ยึดหรืออายัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๐๗ และเป็นทรัพย์สินที่ไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี ขอให้ยกคำร้องของโจทก์ทั้งสอง

    โจทก์ทั้งสองยื่นคำคัดค้านคำร้องขอให้เพิกถอนการอายัดของจำเลยว่า จำเลยไม่ได้มีฐานะเป็นส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจ เงินในบัญชีเงินฝากของจำเลยทั้งสองบัญชีจึงไม่ใช่ทรัพย์สินของแผนดินที่ต้องห้ามมิให้ยึดหรืออายัด ขอให้ยกคำร้องของจำเลย

    ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว มีคำสั่งเพิกถอนการอาอัดเงินในบัญชี ธนาคารออมสิน สาขาฝาง ชื่อบัญชีกองทุนหมู่บ้านหนองฮ่าง หมู่ที่ ๑๐ ตำบลแม่คะ อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ บัญชีเลขที่ ๐๕๐๖๗๐๗๔๔๕๗๗ และบัญชีเลขที่ ๐๕๐๖๗๐๗๔๖๓๔๑ ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีให้เป็นพับ

    โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์

    ศาลอุทธรณ์ภาค ๕ พิพากษากลับให้เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดเงินของจำเลยที่ฝากธนาคารออมสิน สาขาฝาง บัญชีเลขที่ ๐๕๐๖๗๐๗๔๔๕๗๗ จำนวน ๙๙,๐๐๐๐ บาท และบัญชีเลขที่ ๐๕๐๖๗๐๗๔๖๓๔๑ จำนวน๑๙๐,๐๐๐ บาท ตามคำขอของโจทก์ทั้งสองหากธนาคารออมสิน ผู้คัดค้าน ไม่ส่งมอบเงินที่อายัดแก่เจ้าพนักงานบังคับคดี ให้ผู้คัดค้านชำระเงินเท่าจำนวนเงินที่อายัดแก่โจทก์ทั้งสองแทน ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ส่วนที่เกิน ๒๐๑ บาทแก่โจทก์ทั้งสอง

    จำเลยฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา

    ศาลฎีกาตรวจสำนวน ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้เถียงกันในชั้นนี้รับฟังได้ว่า จำเลยไม่ชำระหนี้แก่โจทก์ทั้งสองตามคำพิพากษา ใจทก์ทั้งสองตรวจพบว่าจำเลยมีเงินในบัญชีเงินฝากกับผู้คัดค้าน บัญชีเลขที่ ๐๕๐๖๗๐๗๔๔๕๗๗ จำนวน ๙๙,๐๐๐ บาท ซึ่งเป็นเงินที่จำเลยได้รับอุดหนุนจากกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ และบัญชีเลขที่ ๐๕๐๖๗๐๗๔๖๓๔๑ จำนวน ๑๙๐,๐๐๐ บาท ซึ่งเป็นเงินที่สมาชิกของจำเลยนำมาลงหุ้นและฝากเพื่อการถอน รวมสองบัญชีเป็นเงิน ๒๘๙,๐๐๐ บาท โจทก์ทั้งสองขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดเงินทั้งสองบัญชีดังกล่าว เจ้าพนักงานบังคับคดีมีหนังสือฉบับลงวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๓ ถึงผู้คัดค้านขอออายัดเงินทั้งสองบัญชีให้ผู้คัดค้านส่งเงินทั้งสองบัญชีไปยังเจ้าพนักงานบังคับคดี แต่ผู้คัดค้านไม่ส่งเงินทั้งสองบัญชีดังกล่าวให้แก่เจ้าพนักงานบังคับคดีและมีหนังสือลงวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ ถึงเจ้าพนักงานบังคับคดีแจ้งว่า เงินทั้งสองบัญชีเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินต้องห้ามมิให้ยืดหรืออายัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๐๗ และเป็นทรัพย์สินที่ไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๓๐๑ (๕)

    ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่าเงินในบัญชีเงินฝากทั้งสองบัญชีของจำเลยที่โจทก์ทั้งสองขออายัดเป็น และเป็นเงินที่โจทก์ทั้งสองจะบังคับคดีได้หรือไม่ เห็นว่า จำเลยเป็นกองทุนหมู่บ้าน ตามมาตรา ๓ ประกอบมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗ โดยการจัดตั้งกองทุนหมู่บ้านต้องจดทะเบียนจัดตั้งขึ้นภายใต้พระราชบัญญัติกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗ หรือกองทุนหมู่บ้านที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ว่าด้วยการจัดตั้งและการบริหารกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยต้องดำเนินการยื่นคำขอจัดตั้งและจดทะเบือนกองทุนหมู่บ้านต่อนายทะเบียนตามตามระเบียบที่คณะกรรมการกองทุนทนหมู่บ้านและชุมชนมืองแห่งชาติกำหนด และมีฐานะเป็นนิติบุคคล ทั้งนี้ตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๐ ว่าด้วยการรับจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง พ.ศ.๒๕๔๙ จำเลยจึงมิได้เป็นนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จึงมิใช่นิติบุคคลเอกชน แต่เป็นนิติบุคคลมหาชนที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗ ซึ่งมีวัตถุประสงค์ตามมาตรา ๕ (๑) เป็นแหล่งเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการลงทุนเพื่อพัฒนาอาชีพ สร้างงาน สร้างรายได้ เพิ่มรายได้ หรือสำหรับส่งเสริมและพัฒนาไปสู่การสร้างสวัสดิภาพและสวัสดิการ หรือประประโยชน์ส่วนรวมอื่นให้แก่ประชาชนในหมู่บ้านหรือชุมชนเมือง (๒) เป็นแหล่งเงินทุนหมุนเวียนเพื่อธรรเท่าความเดือดร้อนเร่งด่วนสำหรับประชาชนในหมู่บ้านหรือชุมชนเมือง (๓) รับฝากเงินจากสมาชิกและจัดหาทุนจากแหล่งเงินทุนอื่นเพื่อดำเนินการตามวัตถุประสงค์ (๔).. (๕)... ทั้งการดำเนินการของกองทุนหมู่บ้านต้องเป็นไปตามระเบียบหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติกำหนดและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐมนตรีผู้รักษาการตามมาตรา ๒๙ กองทุนหมู่บ้านมีเงินและทรัพย์สินในการดำเนินการปรากฏตามมาตรา ๖ ของพระราชบัญญัติดังกล่าว ได้แก่ (๑) เงินที่คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ จัดสรรให้ (๒) เงินอุดหนุนจากรัฐบาล (๓) เงินที่สมาชิกนำมาลงหุ้นหรือฝากไว้กับกองทุน (๔) เงินหรือทรัพย์สินอื่นที่กองทุนหมู่บ้านได้รับบริจาคโดยปราศจากเงื่อนไขหรือข้อผูกพันใด ๆ (๔) ดอกผล รายได้ หรือผลประโยชน์ที่เกิดจากเงินหรือทรัพย์สินของกองทุนหม้าน ทั้งนี้ กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ นั้น มาตรา ๑๑ แห่งพระราชบัญญัติเดียวกัน บัญญัติให้เป็น “หน่วยงานของรัฐ” และมีวัตถุประสงค์ตามมาตรา ๑๑ และกองทุนหมู่บ้านที่จัดตั้งขึ้นตามมาตรา ๕ จึงเป็น “หน่วยงานของรัฐ” ที่มีฐานะเป็นหน่วยงานของรัฐประเภทหนึ่ง ที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อจัดทำภารกิจของรัฐในการสร้างศักยภาพและความเข็มแข็งทางด้านเศรษฐกิจและสังคมของประชาชนและองค์กรชุมชนในหมู่บ้านและชุมชนเมือง กระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ โดยไม่ได้มุ่งหวังผลกำไรตอบแทน โดยเงินทุนและทรัพย์สินในการดำเนินการส่วนหนึ่งเป็นเงินอุดหนุนจากงบประมาณของรัฐ ซึ่งเป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน หรือแม้จะมีเงินบริจาคเข้ามาด้วย เงินบริจาคดังกล่าว มาตรา ๑๒ ของพระราชบัญญัติกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชวติ พ.ศ.๒๕๔๗ ก็บัญญัติว่าต้องไม่มีเงื่อนไขหรือข้อผูกพัน เนื่องจากเป็นการบริจาคเพื่อมาช่วยเหลือการจัดทำบริการสาธารณะของรัฐ หรือแม้จะมีทรัพย์สินในส่วนที่เป็นรายได้ เช่นดอกผลหรือผลประโยชน์อย่างอื่น แต่เมื่อตัวกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติเป็นหน่วยงานของรัฐ ทรัพย์สินที่เป็นรายได้ของกองทุนย่อมเป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน นอกจากนี้ การที่ มาตรา ๑๔ บัญญัติว่า “กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติไม่เป็นส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ" ก็เพียงเพื่อไม่ให้ต้องนำรายได้ส่งกระทรวงการคลังและกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลังและกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ ทั้งนี้ก็เห็นความคลองตัวทางการเงินอันเป็นการยกเว้นหลักทั่วไปตาม มาตรา ๒๔ วรรคหนึ่ง แห่งวิธีการงบประมาณ พ.ศ.๒๕๐๒ ที่บัญญัติว่า “บรรดาเงินที่ส่วนราชการได้รับเป็นกรรมสิทธิ์ไม่ว่าจะได้รับตามกฎหมายหรือระเบียบ ข้อบังคับ หรือได้รับชำระตามอำนาจหน้าที่หรือสัญญา หรือได้รับจากการใช้ทรัพย์สินหรือเก็บดอกผลจากทรัพย์สินของทางราช ให้ส่วนราชการที่ได้รับเงินนั้น นำส่งคลังตามระเบียบหรือข้อบังคับที่รัฐมนตรีกำหนด เว้นแต่จะมีกฎหมายกำหนดเป็นอย่างอื่น" ดังนั้นเงินฝากในบัญชีเงินฝากกับผู้คัดค้าน เลขที่ ๐๕๐๖๗๐๙๔๔๕๗๗ จำนวน ๙๙,๐๐๐ บาท ซึ่งเป็นเงินที่กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติจัดสรรให้จำเลยเสียเพื่อเป็นเงินอุดหนุนจึงเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินที่ไม่อาจยึดหรืออายัดได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๐๗ และไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความแพ่ง มาตรา ๓๐๑ (๕) ส่วนเงินฝากในบัญชีเงินฝากเลขที่ ๐๕๐๖๗๐๗๔๖๓๔๑ จำนวน ๑๙๐,๐๐๐ บาท ซึ่งเป็นเงินที่สมาชิกของจำเลยนำมาลงหุ้นและฝากเพื่อการออมก็เป็นเงินฝากของสมาชิกที่นำมาฝากตามวัตถุประสงค์ของการจัดกองทุนหมู่บ้านเพื่อสร้างศักยภาพและความเข้มแข็งทางด้านเศรษฐกิจและสังคมของประชาชนและองค์กรชุมชน ในหมู่บ้านตามหมายเหตุท้ายพระราชบัญญัติกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๗ อันเป็นการจัดทำบริการสาธารณะของรัฐ โดยยจำเลยมิได้มีเจตนารมณ์ในการรับฝากเงินเพื่อหากำไรในทางธุรกิจหรือพาณิชย์กรรม เงินจำนวนดังกล่าวที่ฝากไว้กับธนาคารผู้คัดค้านในบัญชีของจำเลย จึงเป็นเงินของสมาชิก มิไม่เงินของจำเลยที่จะยึดหรืออายัดเพื่อบังคับคดีชำระหนี้แก่โจทก์ทั้งสองได้ตามประประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๓๐๓ และมาตรา ๓๑๖ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๕ พิพากษาให้เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดเงินฝากในบัญชีของจำเลยทั้งสองปัญชีตามคำขอของโจทก์ทั้งสอง และให้ผู้คัดค้านชำระเงินเท่าจำนวนเงินที่อายัดแก่โจทก์ทั้งสอง ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น

    พิพากษากลับเป็นให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ส่วนที่เกิน ๒๐๐ บาท แก่โจทก์ทั้งสอง ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

    นายสุวิทย์ พรพานิช

    นายสถาพร ดาโรจน์

    นายสุจินต์ เชี่ยวชาญศิลป์
  • พระราชบัญญัติกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗: มาตรา ๕, ๖, ๑๑, ๑๒, ๑๔ (วัตถุประสงค์, ประเภทเงินทุน, สถานะกองทุน)
  • ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์: มาตรา ๑๓๐๗ (ทรัพย์สินของแผ่นดิน)
  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง: มาตรา ๓๐๑ (๕), ๓๐๓, ๓๑๖ (การบังคับคดี, ทรัพย์สินที่ไม่อยู่ในความรับผิด)
  • กองทุนหมู่บ้านคือนิติบุคคล: จัดตั้งตามกฎหมายเฉพาะ ไม่ใช่นิติบุคคลตาม ป.พ.พ.

    โดยศาลได้วินินฉัยประเด็นนี้ใจความ "จำเลยเป็นกองทุนหมู่บ้าน ตามมาตรา ๓ ประกอบมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗ โดยการจัดตั้งกองทุนหมู่บ้านต้องจดทะเบียนจัดตั้งขึ้นภายใต้พระราชบัญญัติกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗ หรือกองทุนหมู่บ้านที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ว่าด้วยการจัดตั้งและการบริหารกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยต้องดำเนินการยื่นคำขอจัดตั้งและจดทะเบือนกองทุนหมู่บ้านต่อนายทะเบียนตามตามระเบียบที่คณะกรรมการกองทุนทนหมู่บ้านและชุมชนมืองแห่งชาติกำหนด และมีฐานะเป็นนิติบุคคล ทั้งนี้ตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๐ ว่าด้วยการรับจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง พ.ศ.๒๕๔๙ จำเลยจึงมิได้เป็นนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จึงมิใช่นิติบุคคลเอกชน แต่เป็นนิติบุคคลมหาชนที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗

    กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ นั้น มาตรา ๑๑ แห่งพระราชบัญญัติเดียวกัน บัญญัติให้เป็น “หน่วยงานของรัฐ” และมีวัตถุประสงค์ตามมาตรา ๑๑ และกองทุนหมู่บ้านที่จัดตั้งขึ้นตามมาตรา ๕ จึงเป็น “หน่วยงานของรัฐ” ที่มีฐานะเป็นหน่วยงานของรัฐประเภทหนึ่ง ที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อจัดทำภารกิจของรัฐในการสร้างศักยภาพและความเข็มแข็งทางด้านเศรษฐกิจและสังคมของประชาชนและองค์กรชุมชนในหมู่บ้านและชุมชนเมือง กระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ โดยไม่ได้มุ่งหวังผลกำไรตอบแทน "
  • เงินกองทุนมีหลายประเภท: เงินรัฐจัดสรร, เงินอุดหนุน, เงินสมาชิก, เงินบริจาค

    ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า"โดยเงินทุนและทรัพย์สินในการดำเนินการส่วนหนึ่งเป็นเงินอุดหนุนจากงบประมาณของรัฐ ซึ่งเป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน หรือแม้จะมีเงินบริจาคเข้ามาด้วย เงินบริจาคดังกล่าว มาตรา ๑๒ ของพระราชบัญญัติกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชวติ พ.ศ.๒๕๔๗ ก็บัญญัติว่าต้องไม่มีเงื่อนไขหรือข้อผูกพัน เนื่องจากเป็นการบริจาคเพื่อมาช่วยเหลือการจัดทำบริการสาธารณะของรัฐ หรือแม้จะมีทรัพย์สินในส่วนที่เป็นรายได้ เช่นดอกผลหรือผลประโยชน์อย่างอื่น แต่เมื่อตัวกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติเป็นหน่วยงานของรัฐ ทรัพย์สินที่เป็นรายได้ของกองทุนย่อมเป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน นอกจากนี้ การที่ มาตรา ๑๔ บัญญัติว่า “กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติไม่เป็นส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ" ก็เพียงเพื่อไม่ให้ต้องนำรายได้ส่งกระทรวงการคลังและกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลังและกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ ทั้งนี้ก็เห็นความคลองตัวทางการเงินอันเป็นการยกเว้นหลักทั่วไปตาม มาตรา ๒๔ วรรคหนึ่ง แห่งวิธีการงบประมาณ พ.ศ.๒๕๐๒ ที่บัญญัติว่า “บรรดาเงินที่ส่วนราชการได้รับเป็นกรรมสิทธิ์ไม่ว่าจะได้รับตามกฎหมายหรือระเบียบ ข้อบังคับ หรือได้รับชำระตามอำนาจหน้าที่หรือสัญญา หรือได้รับจากการใช้ทรัพย์สินหรือเก็บดอกผลจากทรัพย์สินของทางราช ให้ส่วนราชการที่ได้รับเงินนั้น นำส่งคลังตามระเบียบหรือข้อบังคับที่รัฐมนตรีกำหนด เว้นแต่จะมีกฎหมายกำหนดเป็นอย่างอื่น" ดังนั้นเงินฝากในบัญชีเงินฝากกับผู้คัดค้าน เลขที่ ๐๕๐๖๗๐๙๔๔๕๗๗ จำนวน ๙๙,๐๐๐ บาท ซึ่งเป็นเงินที่กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติจัดสรรให้จำเลยเสียเพื่อเป็นเงินอุดหนุนจึงเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินที่ไม่อาจยึดหรืออายัดได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๐๗ และไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความแพ่ง มาตรา ๓๐๑ (๕) ส่วนเงินฝากในบัญชีเงินฝากเลขที่ ๐๕๐๖๗๐๗๔๖๓๔๑ จำนวน ๑๙๐,๐๐๐ บาท ซึ่งเป็นเงินที่สมาชิกของจำเลยนำมาลงหุ้นและฝากเพื่อการออมก็เป็นเงินฝากของสมาชิกที่นำมาฝากตามวัตถุประสงค์ของการจัดกองทุนหมู่บ้านเพื่อสร้างศักยภาพและความเข้มแข็งทางด้านเศรษฐกิจและสังคมของประชาชนและองค์กรชุมชน ในหมู่บ้านตามหมายเหตุท้ายพระราชบัญญัติกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๗ อันเป็นการจัดทำบริการสาธารณะของรัฐ โดยยจำเลยมิได้มีเจตนารมณ์ในการรับฝากเงินเพื่อหากำไรในทางธุรกิจหรือพาณิชย์กรรม เงินจำนวนดังกล่าวที่ฝากไว้กับธนาคารผู้คัดค้านในบัญชีของจำเลย จึงเป็นเงินของสมาชิก มิไม่เงินของจำเลยที่จะยึดหรืออายัดเพื่อบังคับคดีชำระหนี้แก่โจทก์ทั้งสองได้ตามประประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๓๐๓ และมาตรา ๓๑๖ "

  • ไม่ใช่ทรัพย์สินส่วนตัว: มีไว้ช่วยเหลือประชาชน ไม่ใช่ของกรรมการหรือสมาชิก
  • เจ้าหนี้ไม่มีสิทธิ์ยึด: เงินกองทุนไม่ใช่เงินของจำเลยที่เป็นหนี้

ดังนั้น หากใครที่กำลังสงสัยว่าเจ้าหนี้จะสามารถมายึดเงินกองทุนหมู่บ้านได้หรือไม่ คำตอบคือ ไม่ได้ เพราะเงินเหล่านี้ไม่ใช่เงินส่วนตัวของลูกหนี้ แต่เป็นเงินของส่วนรวมที่ต้องใช้เพื่อประโยชน์ของคนในหมู่บ้าน

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และช่วยให้ประชาชนเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกองทุนหมู่บ้านได้มากขึ้นนะครับ

คำสำคัญ: กองทุนหมู่บ้าน, เงินอุดหนุน, ทรัพย์สินของแผ่นดิน, การบังคับคดี, เจ้าหนี้, ลูกหนี้

Posted on

ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฏหมายกำหนด

กองทุนหมู่บ้านทั่วประเทศ ส่วนใหญ่จะกำหนดอัตราค่าปรับไว้ในระเบียบกองทุนหมู่บ้านของตนเอง และสัญญากู้เงิน ค้ำประกัน ส่วนใหญ่ ก็จะใช้ แบบฟอร์มสัญญาเงินกู้ และสัญญาค้ำประกัน ที่มีต้นแบบจาก สทบ.

เมื่อกองทุนหมู่บ้านนำไปฟ้องคดี ผู้กู้และผู้ค้ำประกัน จำเลยมักจะต่อสู้ว่า ” แม้โจทก์จะเป็นนิติบุคคลจัดตั้งขึ้นโดยถูกต้องตามกฎหมายก็มิได้หมายความว่า โจทก์จะเรียกเอาเงินที่ค้างชำระ และคิดเบี้ยปรับได้ตามอำเภอใจ เพราะการจัดตั้งกองทุนหมู่บ้านก็เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและประชาชน มิใช่เป็นการแสวงหาผลประโยชน์ การที่นำเบี้ยปรับในอัตราร้อยละ ๕๐ ( ห้าสิบสตางค์ ) มาคิดเรียกร้องเอากับจำเลยที่ ๒ จึงเป็นการนำองค์การมาหาผลประโยชน์ที่เกินกว่าความเป็นจริง และจำเลยที่ ๑ ก็ไม่เคยตกลงให้โจทก์คิดเบี้ยปรับร้อยละ .๕ ( ห้าสิบสตางค์ ) ตามที่โจทก์กล่าวอ้างโจทกจึงจะนำมาคิดเป็นจำนวนเงินที่จำเลยที่ ๑ ค้างชำระทั้งหมดไม่ได้ คงคิดได้เพียงจำนวนเงินที่หักจากการชำระหนี้แล้ว พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๘ ต่อปี เท่านั้น จำเลยที่ ๑ ไม่จำต้องรับผิดชอบตามฟ้องของโจทก์ องโจทก์เป็นการฟ้องโดยอาศัยความไม่ชอบด้วยกฎหมายมาดำเนินคดีกับประชาชน เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนและต่อสังคมโดยรวม ฟ้องโจทก์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ยกฟ้องโจทก์เสีย ”

มีคำถามว่า การเรียกค่าปรับ ในอัตราสูง ดังกล่าว เป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ???

เป็นการเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ซึ่งเป็นความผิดคดีอาญา มีโทษจำคุก กองทุนหมู่บ้านผิดกฎหมายหรือไม่ ????

การกำหนดอัตราดอกเบี้ยที่ชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 654 วางหลักไว้ว่า ห้ามมิให้คิดดอกเบี้ยเกินร้อยละสิบห้าต่อปี ถ้าในสัญญากำหนดดอกเบี้ยเกินกว่านั้น ก็ให้ลดลงมาเป็นร้อยละสิบห้าต่อปี พระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๔ บุคคลใดให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินหรือกระทำการใด ๆ อันมีลักษณะเป็นการอำพรางการให้กู้ยืมเงิน โดยมีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
(๑) เรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้
(๒) กำหนดข้อความอันเป็นเท็จในเรื่องจำนวนเงินกู้หรือเรื่องอื่น ๆ ไว้ในหลักฐานการกู้ยืมหรือตราสารที่เปลี่ยนมือได้เพื่อปิดบังการเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด หรือ
(๓) กำหนดจะเอาหรือรับเอาซึ่งประโยชน์อย่างอื่นนอกจากดอกเบี้ย ไม่ว่าจะเป็นเงิน หรือสิ่งของหรือโดยวิธีการใด ๆ จนเห็นได้ชัดว่าประโยชน์ที่ได้รับนั้นมากเกินส่วนอันสมควรตามเงื่อนไขแห่งการกู้ยืมเงิน
ข้อมูลจาก : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 654, พระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2560 มาตรา 4

เรื่องนี้มีคำตอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๖๒๓๖/๒๕๕๑ คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านควนเมา โจทก์
นายย้อย นาคทอง จำเลย
ป.พ.พ. มาตรา ๓๗๙,๖๕๔
พ.ร.บ.ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ.๒๔๗๕ มาตรา ๓ (เดิม)

คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๔๖ จำเลยทำสัญญากู้เงินโจทก์ ๑๕,๐๐๐ บาท ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๒ ต่อปี กำหนดชำระต้นเงินและดอกเบี้ยเสร็จสิ้นภายในวันที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๔๗ จำเลยยอมรับผิดทั้งค่าติดตามทวงถามก่อนดำเนินคดีและเบี้ยปรับอัตราร้อยละ ๐,๕๐ ต่อวัน จากต้นเงินที่ผิดนัด จำเลยผิดนัดไม่ชำระต้นเงินและดอกเบี้ยตามกำหนด โจทก์ทวงถามแล้วแต่จำเลยเพิกเฉย จำเลยต้องรับผิดชำระต้นเงินจำนวน ๑๕,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๒ ต่อปี จากต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันผิดนัดถึงวันฟ้องเป็นเวลา ๑ ปี ๒๒๐ วัน คิดเป็นดอกเบี้ยจำนวน ๒,๘๘๔ บาท ค่าติดตามถวงถามเป็นเงิน ๑,๐๐๐ บาท และค่าเบี้ยปรับจำนวน ๑๐,๐๐๐ บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๒๘,๘๘๔ บาท ขอให้บังดับจำเลยชำระเงินจำนวน ๒๘,๘๘๔ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๒ ต่อปี จากต้นเงินจำนวน ๑๕,๐๐๐ บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยได้กู้เงินจากโจทก์จริง แต่โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องในส่วนค่าทวงถามจำนวน ๑,๐๐๐ บาท และเบี้ยปรับ
จำนวน ๑๐,๐๐๐ บาท เพราะโจทก์ไม่เคยทวงถามมาก่อน และในส่วนเบี้ยปรับวันละ ๑๐๐ บาท ก็มิได้กำหนดไว้ในสัญญากู้ หากจะ
เรียกเป็นดอกเบี้ยผิดนัดเพิ่มขึ้นอีกในอัตราร้อยละ ๐,๕๐ ต่อวันก็เป็นการเรียกร้องดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดตกเป็นโมฆะ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์จำนวน ๒๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๒ ต่อปี จากต้นเงิน ๑๕,๐๐๐
บาท นับแต่วันฟ้อง (วันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๔๗) เป็นต้นไป จนกว่าชำระเสร็จ กับให้จำเลยใช้ค่าฤซาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ ๘๐๐ บาท
จำเลยอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อตาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้น ตามประมวลกฎหมายวิธี
พิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นว่า แม้ตาลชั้นต้นมิได้สั่งอนุญาตให้จำเลยอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา แต่
การที่โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องขออนุญาตยื่นอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาของจำเลยแล้วไม่คัดด้านและศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ส่งสำนวนไปยังศาลฎีกา พอแปลได้ว่าศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ วรรดหนึ่ง แล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังเป็นยุติว่า เมื่อวันที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๔๖ จำเลยทำสัญญากู้เงินโจทก์จำนวน ๑๕,๐๐๐ บาท ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๒ ต่อปี กำหนดชำระต้นเงินและดอกเบี้ยภายในวันที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๔๗ หากจำเลยผิดสัญญายอมให้โจทก์คิดค่าติดตามทวงถามก่อนดำเนินคดีและดอกเบี้ยผิดนัดเพิ่มอีกในอัตราร้อยละ ๐,๕๐ ต่อวัน ของยอดเงินกู้ที่ค้างชำระจนกว่าจะชำระหมดสิ้น ตามสัญญากู้เงินกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองเอกสารหมาย จ.๒ และจำเลยผิดนัดไม่ชำระดันเงินและดอกเบี้ยตามกำหนด
มีปัญหาข้อกฎหมายตามอุทธรณ์ของจำเลยข้อแรกว่า ที่ตาลชั้นตันพิพากษาให้จำเลยชำระเบี้ยปรับจำนวน ๕,๐๐๐ บาท เป็นการชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ โดยจำเลยอุทธรณ์ว่า ในสัญญากู้เงินมิได้ระบุเกี่ยวกับเบี้ยปรับไว้ การที่ศาลชั้นตันพิพากษาให้จำเลยชำระเบี้ยปรับจำนวน ๕,๐๐๐ บาท เป็นการนอกเหนือข้อสัญญาจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น เห็นว่า ตามสัญญากู้เงินกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองเอกสารหมาย จ.๒ ข้อ ๔ ระบุว่า “ถ้าผู้กู้ผิดนัดไม่ชำระเงินกู้และดอกเบี้ยตามงวดชำระภายในกำหนด……วัน นับแต่วันครบกำหนดงวดชำระ ผู้กู้ยินยอมให้คิดดอกเบี้ยผิดนัดเพิ่มอีกในอัตราร้อยละ ๐,๕๐ ต่อวัน ของยอดเงินกู้ที่ค้างชำระจนกว่าจะชำระหมดสิ้น” ข้อตกลงดังกล่าวเป็นเรื่องที่จำเลยยินยอมให้โจทก์คิดดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ ๐.๕๐ ต่อวัน สูงขึ้นกว่าอัตราที่ตกลงกันไว้ในสัญญาได้หากจำเลยผิดนัดไม่ชำระหนี้ให้ถูกต้องตามสัญญา จึงมีลักษณะเป็นเบี้ยปรับ ซึ่งหากศาลเห็นว่าเบี้ยปรับที่กำหนดไว้นั้นสูงเกินส่วนก็มีอำนาจลดลงเป็นจำนวนพอสมควรได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๗๙ และมาตรา ๓๘๓ วรรดหนึ่ง การที่ตาลชั้นตันพิพากษาให้จำเลยชำระเบี้ยปรับแก่โจทก์จึงหาได้เป็นการนอกเหนือจากข้อสัญญาไม่ ส่วนที่จำเลยอุทธรณ์ว่า ข้อสัญญาที่กำหนดให้โจทก็คิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๐,๕๐ ต่อวัน หรือร้อยละ ๑๕ ต่อเดือน หรือร้อยละ ๑๘๐ ต่อปี เกินกว่าอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี เป็นการต้องห้ามตามพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ.๒๕๔๗ ตกเป็นโมฆะนั้น เห็นว่า ตามสัญญากู้เงินกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองเอกสารหมาย จ.๒ ข้อ ๒ ได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้ในอัตราร้อยละ ๑๒ ต่อปี ซึ่งไม่เกินกว่าอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๕๔ และพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ.๒๔๗๕ มาตรา ๓ ส่วนข้อสัญญาที่กำหนดให้โจทก์คิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๐,๕๐ ต่อวัน ตามสัญญาข้อ ๔ เป็นการกำหนดค่าเสียหายไว้ล่วงหน้าในกรณีที่จำเลยผิดนัดไม่ชำระหนี้ให้ถูกต้องตามสัญญา มีลักษณะเป็นเบี้ยปรับหาใช่เป็นข้อตกลงเรื่องดอกเบี้ยไม่ ข้อสัญญาดังกล่าวมิใช่เป็นข้อสัญญาที่ให้โจทก์คิดดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี จึงไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๕๔ และพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ.๒๔๗๕ มาตรา ๓ ไม่ตกเป็นโมฆะดังที่จำเลยกล่าวอ้าง ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเบี้ยปรับแก่โจทก์นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ

อ้างอิง คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๖๒๓๖/๒๕๕๑

Posted on

ประเทศไทย เลือกตั้ง 2566

ประเทศไทย เลือกตั้ง 2566

ครม.ประกาศยุบสภา ในวันที่ 20 มีนาคม 2566 วันถัดมา คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็ได้ประกาศเคาะวันเลือกตั้ง เป็นวันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคม 2566 

สำหรับประชาชน ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง อาจต้องเริ่มเตรียมตัว โดยวันสำคัญที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง 2566 ดังนี้

ลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้า และนอกราชอาณาจักร : 25 มี.ค. – 9 เม.ย. 66

การลงทะเบียนตั้งล่วงหน้า รวมถึงการลงทะเบียนตั้งนอกเขต ทำได้โดยการยื่นเรื่องที่สำนักงานเขต ที่ว่าการอำเภอ ช่องทางไปรษณีย์ หรือช่องทางออนไลน์

การลงทะเบียนเลือกตั้งจากต่างประเทศ สำหรับผู้ที่อยู่อาศัยอยู่ต่างประเทศ สามารถเลือกตั้งจากต่างประเทศ โดยการลงทะเบียนกับสถานทูตไทย หรือสถานกงสุลประจำประเทศนั้น

ยื่นได้ตั้งแต่จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30-16.30 น. (ในวันและเวลาราชการ) ส่วนทางไปรษณีย์จะถือวันประทับตราไปรษณีย์เป็นสำคัญ

สำหรับช่องทางออนไลน์

ช่องทางออนไลน์สามารถลงทะเบียนได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยระบบจะปิดอัตโนมัติในวันที่ 9 เมษายน 2566 เวลาเที่ยงคืนตามเวลาประเทศไทย

รับสมัคร ส.ส.แบบเขต วันที่ 3-7 เม.ย. 66

รับสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง 3-7 เมษายน 2566 ตั้งแต่เวลา 8.30 – 16.30 น. ณ สถานที่ที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งกำหนด

รับสมัคร ส.ส.แบบปาร์ตี้ลิส

วันรับสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ และพรรคการเมืองเสนอชื่อบุคคลที่เห็นสมควร ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในนามพรรคการเมืองนั้นไว้ในบัญชี 3 รายชื่อ 4-7 เมษายน 2566 โดยวันที่ 4-6 เมษายน 2566 กำหนดเวลารับสมัคร ตั้งแต่เวลา 8.30-16.30 น. ส่วนวันที่ 7 เมษายน 2566 ตั้งแต่เวลา 8.30-16.00 น. ณ ห้องบางกอก อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร แขวงดินแดงเขตดินแดง กรุงเทพมหานคร

วันสุดท้ายเพิ่มชื่อ-ถอนชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 3 พ.ค. 66

ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสามารถตรวจสอบสิทธิ และหน่วยเลือกตั้งผ่านเอกสารที่กกต.จัดส่งไปยังเจ้าบ้าน (จะส่งมาถึงบ้านก่อนวันเลือกตั้ง 20 วัน) หรือช่องทางออนไลน์ของกกต. หากพบว่าตนเองหรือคนอื่นที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านของตน ไม่มีรายชื่ออยู่ในบัญชีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง หรือเจ้าบ้านเห็นว่ามีชื่อบุคคลอื่นอื่นอยู่ในทะเบียนบ้านของตนโดยที่บุคคลนั้นมิได้มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านจริงๆ สามารถยื่นคำร้องต่อนายทะเบียนอำเภอหรือนายทะเบียนท้องถิ่น เพื่อให้เพิ่ม-ถอนชื่อนั้นได้

วันเลือกตั้งล่วงหน้า และวันเลือกตั้งสำหรับผู้พิการ-ผู้สูงอายุ 7 พ.ค. 66

สำหรับคนพิการ หรือผู้สูงอายุ สามารถลงทะเบียนไปใช้สิทธิที่หน่วยเลือกตั้งกลางสำหรับผู้พิการโดยเฉพาะ ตั้งแต่เวลา 8.00-17.00 น. และสามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยให้ช่วยอำนวยความสะดวกได้ เช่น ขอบัตรทาบให้ผู้พิการทางสายตา โดยทั่วไปผู้พิการจะต้องออกเสียงด้วยตนเอง แต่หากลักษณะทางกายภาพไม่สามารถทำเครื่องหมายออกเสียงเลือกตั้งได้ สามารถให้บุคคลอื่น หรือเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยทำเครื่องหมายแทนได้ ถือว่าเป็นการลงคะแนนโดยตรง และลับตามกฎหมาย สำหรับผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าในเขต และนอกเขตเลือกตั้ง สามารถลงทะเบียนไปใช้สิทธิที่หน่วยเลือกตั้งกลางในเขต หรือนอกเขตเลือกตั้งตามที่ได้ลงทะเบียนไ้ว้ ตั้งแต่เวลา 8.00-17.00 น.

แจ้งเหตุไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง หน้า 7 หลัง 7 วันที่ 7-13 และ 15-21 พ.ค. 66

หากติดภารกิจไม่สามารถไปเลือกตั้งได้ สามารถทำหนังสือยื่นต่อนายทะเบียนที่ว่าการเขต หรืออำเภอ โดยสามารถไปด้วยตนเอง หรือ มอบหมายผู้อื่นไปแทน อีกทางเลือกคือ ส่งไปรษณีย์ หรือช่องทางออนไลน์ โดยต้องทำภายใน 7 วันก่อนการเลือกตั้ง หรือ 7 วันหลังการเลือกตั้ง จำง่ายๆ คือ “หน้า 7 หลัง 7”

ถ้าไม่แจ้งเหตุไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งภายในระยะเวลาดังกล่าว แม้จะไม่เสียสิทธิในการเลือกตั้งครั้งต่อไป แต่อาจเสียสิทธิบางประการเป็นระยะเวลาสองปี นับจากวันเลือกตั้งที่ไม่ได้ไป ได้แก่

๐ สิทธิยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้ง ๐ สิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง ๐ ลงสมัครรับเลือกเป็นกำนันและผู้ใหญ่บ้าน ๐ ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง ๐ ดำรงตำแหน่งเกี่ยวกับการบริหารท้องถิ่น

วันเลือกตั้ง : 14 พ.ค. 66 08.00-17.00 น

วันเลือกตั้งทั่วไป คือวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 เข้าคูหาได้ตั้งแต่ 08.00-17.00 น.

หมายเหตุ :

อย่าลืมพกบัตรประชาชน เป็นบัตรที่หมดอายุแล้วก็ยังสามารถใช้ได้ หรือเป็นบัตร,เอกสาร ที่ราชการออกให้ ขอแค่มีรูป และเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก ก็ถือว่าใช้ได้ เช่น ใบขับขี่ ,พาสปอร์ต หรือ บัตรประชาชนอิเล็กทรอนิกส์ (แอปพลิเคชัน ThaID)
Posted on

5 วิธีแก้หนี้นอกระบบในประเทศไทยอย่างได้ผลสำหรับสมาชิกกองทุนหมู่บ้าน

5 วิธีแก้หนี้นอกระบบอย่างได้ผล "คู่มือฉบับสมบูรณ์“ สำหรับสมาชิกกองทุนหมู่บ้าน

หนี้นอกระบบเป็นปัญหาสำคัญของประเทศไทย ซึ่งประชากรส่วนใหญ่หันไปหาผู้ให้กู้นอกระบบ ซึ่งดำรงอยู่มาอย่างยาวนาน      เนื่องจากการเข้าถึงบริการทางการเงินในระบบที่จำกัด 

ข้อแนะนำ:

หนี้นอกระบบเป็นปัญหาสำคัญของประเทศไทย ซึ่งประชากรส่วนใหญ่หันไปหาผู้ให้กู้นอกระบบเนื่องจากการเข้าถึงบริการทางการเงินในระบบที่จำกัด แม้ประเทศไทยจะมีหน่วยงานที่ให้กู้ที่เป็นสหกรณ์ กองทุนหมู่บ้าน กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี กองทุนแม่แห่งแผ่นดิน ซึ่งจะเป็นองค์กรที่สมาชิกสามารถเข้าถึงเงินกู้ได้สะดวก แต่ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่ เนื่องจากเป็นองค์กรขนาดเล็ก มีข้อจำกัดในวงเงินที่ให้กู้ ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ไม่อาจเข้าถึงเงินกู้ดังกล่าวได้แม้ว่าการให้กู้ยืมนอกระบบจะช่วยให้เข้าถึงเงินสดได้รวดเร็วกว่า แต่ก็มักจะมาพร้อมกับอัตราดอกเบี้ยที่สูงเกินไปและเงื่อนไขที่ไม่เป็นระเบียบ ซึ่งอาจนำไปสู่วงจรของหนี้ที่ยากจะทำลายได้ ในบทความนี้ เราจะสำรวจห้าวิธีที่ได้ผลในการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบในประเทศไทย และช่วยให้บุคคลสามารถควบคุมความเป็นอยู่ทางการเงินของตนเองได้ ซึ่งก็รวมถึงสมาชิกกองทุนหมู่บ้านด้วย

เจรจากับผู้ให้กู้

ขั้นตอนแรกของการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบคือการเจรจากับผู้ให้กู้ ผู้ให้กู้นอกระบบจำนวนมากยินดีที่จะเจรจาเงื่อนไขการชำระคืนและอัตราดอกเบี้ยหากผู้กู้มีความซื่อสัตย์และตรงไปตรงมาเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเงินของตน การติดต่อผู้ให้กู้และอธิบายความยากลำบากทางการเงินของคุณ คุณอาจสามารถเจรจาแผนการชำระหนี้ที่จัดการได้มากขึ้น วิธีนี้เหมาะสมกับเจ้าหนี้ที่ไม่โหด แต่วิธีมักใช้ไม่ได้ผลในประเทศไทย ซึ่งเจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบส่วนใหญ่มักจะเอาเปรียบลูหกหนี้ และชอบใช้วิธีการที่โหดร้ายและใช้ความรุนแรง ทำร้ายร่างกายและทรัพย์สินของลูกหนี้

ขอความช่วยเหลือจากที่ปรึกษาสินเชื่อ

วิธีแก้หนี้นอกระบบที่ได้ผลอีกวิธีหนึ่งคือการขอความช่วยเหลือจากที่ปรึกษาสินเชื่อ บริการให้คำปรึกษาด้านสินเชื่อสามารถให้คำแนะนำในการจัดทำงบประมาณ การจัดการหนี้ และการเจรจาต่อรองกับผู้ให้กู้ นอกจากนี้ยังสามารถช่วยคุณสร้างแผนการจัดการหนี้ที่จะช่วยให้คุณชำระหนี้และควบคุมการเงินของคุณได้ ซึ่งในประเทศไทยจะยังไม่มีบุคคลากรประเภทนี้ ซึ่งอาจจะหันไปปรึกษา คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค แต่ก็เป็นหน่วยงานที่ชาวบ้านมักเข้าไม่ถึง ที่เข้าถึงได้ง่ายหน่อย ก็จะเป็นศูนย์ดำรงธรรม แต่ก็ไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่ เพราะขาดความต่อเนื่องในการแก้ไขปัญหา

พิจารณาการรวมหนี้

การรวมหนี้เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของบุคคลที่มีหนี้นอกระบบหลายก้อน การรวมหนี้เกี่ยวข้องกับการรวมหนี้ทั้งหมดของคุณเป็นเงินกู้เดียวที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าและเงื่อนไขการชำระคืนที่จัดการได้มากขึ้น วิธีนี้สามารถช่วยให้คุณชำระหนี้ได้เร็วขึ้นและลดจำนวนดอกเบี้ยทั้งหมดที่คุณจ่ายเมื่อเวลาผ่านไป

สำรวจบริการทางการเงินที่เป็นทางการ

วิธีหลีกเลี่ยงหนี้นอกระบบที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งคือการสำรวจบริการทางการเงินนอกระบบ สถาบันการเงินที่เป็นทางการหลายแห่ง เช่น ธนาคารและสหกรณ์ออมทรัพย์ กองทุนหมู่บ้าน สถาบันการเงินชุมชน กลุ่มออมทรัพย์ ที่เสนอเงินกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าและมีเงื่อนไขที่ควบคุมมากขึ้น คุณสามารถหลีกเลี่ยงอัตราดอกเบี้ยที่สูงและข้อกำหนดที่ไม่เป็นระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการให้กู้ยืมนอกระบบได้โดยการกู้เงินนอกระบบ ซึ่งกองทุนหมู่บ้านจะต้องพัฒนาองค์กรให้เข้าถึงความต้องการขอสมาชิกได้อย่างทันท่วงที

เพิ่มรายได้ของคุณ

สุดท้าย วิธีแก้หนี้นอกระบบที่ได้ผลวิธีหนึ่งคือการเพิ่มรายได้ สิ่งนี้สามารถทำได้โดยการทำงานเพิ่มเติม เริ่มต้นธุรกิจเสริม หรือการศึกษาและการฝึกอบรมเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มศักยภาพในการสร้างรายได้ของคุณ การเพิ่มรายได้ทำให้คุณสามารถชำระหนี้ได้เร็วขึ้น โดยรัฐบาลควรสนับสนุนส่งเสริมให้กองทุนหมู่บ้านเป็นแหล่งพัฒนาศักยภาพของสมาชิก ให้มีความรู้ความสามารถในการเพิ่มรายได้ และหลีกเลี่ยงความจำเป็นในการกู้ยืมเงินนอกระบบในอนาคต

สรุป:

โดยสรุปแล้ว หนี้นอกระบบเป็นปัญหาสำคัญของประเทศไทย แต่มีวิธีแก้ไขที่ได้ผลหลายวิธี โดยการเจรจากับผู้ให้กู้, ขอความช่วยเหลือจากที่ปรึกษาสินเชื่อ, พิจารณาการรวมหนี้, สำรวจบริการทางการเงินที่เป็นทางการ, และเพิ่มรายได้ของคุณ คุณสามารถควบคุมการเงินของคุณได้อีกครั้งและหลีกเลี่ยงวงจรหนี้ที่เกี่ยวข้องกับการให้กู้ยืมนอกระบบ หากคุณกำลังต่อสู้กับหนี้นอกระบบ เราขอแนะนำให้คุณดำเนินการเสียแต่วันนี้และสำรวจวิธีแก้ปัญหาเหล่านี้เพื่อฟื้นความเป็นอยู่ทางการเงินของคุณ และ หวังว่ากองทุนหมู่บ้านจะเป็นหน่วยงานที่เป็นหน่วยงานที่สามารถแห้ปัญหาทุนให้แก่สมาชิกได้
Posted on

17 ปี สถาบันการเงินชุมชน

17 ปี สถาบันการเงินชุมชน ไปถึงไหนแล้ว

บทนำ

บทความนี้เป็นการทบทวนแนวคิดการพัฒนาระบบการเงินที่สนับสนุนเศรษฐกิจฐานราก จากกองทุนหมู่บ้านที่มีความพร้อมสู่ธนาคารหมู่บ้าน ที่ให้โอกาสประชาชนเข้าถึงแหล่งทุนอย่างยั่งยืน ตามนโยบายของรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2548

ข้อมูลจาก คลังสารสนเทศของสถาบันนิติบัญญัติ https://dl.parliament.go.th/backoffice/viewer2300/web/viewer.php
ข้อมูลจาก คลังสารสนเทศของสถาบันนิติบัญญัติ https://dl.parliament.go.th/backoffice/viewer2300/web/viewer.php

การดำเนินงานในช่วงปี 2548-2549

ปี  พ.ศ. 2548

ดามที่ นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ นายสุวิทย์ คุณกิตติเป็นประธานกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 2/2549 ลงวันที่ 5 มกราคม 2549 นายสุวิทย์ คุณกิตติ ได้ติดตามการดำเนินงานนโยบายกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองในช่วง 1 ปี ที่ผ่านมา ได้เกิดปัญหาและอุปสรรดที่มีผลเชิงนโยบาย ซึ่งกระผมได้ดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาแล้ว สรุปได้ดังนี้
1. การดำเนินงานตามโครงการขอขยายวงเงินโดยกู้ยืมจากสถาบันการเงิน
สำนักงานคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) ได้กำหนดแนวทางการดำเนินงานและแจ้งชักซ้อมไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะประธานอนุกรรมการสนับสนุนและติดตามการดำเนินงานกองทุนหมู่บ้านระดับจังหวัด ในแนวทางการปฏิบัติ ดังนี้
1.1 กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ที่ขอขยายวงเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินตามโครงการดังกล่าว ต้องมีคุณสมบัติสำคัญ 2 ประการ คือ 1) การบริหารจัดที่ดี (AAA)ตามผลการประเมินประสิทธิภาพกองทุนของ สทบ, และ 2) เป็นหมู่บ้าน/ชุมชนที่ปลอดยาเสพติด

อ่านต่อ

                                        

7. แผนงานโครงการที่จะต้องดำเนินการให้เป็นไปตาม พ.ร.บ. กองทุนหมู่บ้านฯ พ.ศ. 24547และนโยบายของรัฐบาล
นายสุวิทย์ คุณกิตติได้เร่งรัดให้สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติดำเนินการเพื่อการขับเคลื่อนการพัฒนาให้เป็นไปตามนโยบายกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการ ขั้นตอนและวิธีการดำเนินงาน และแ แผนการปฏิบัติงานของกิจกรรมต่างๆ ดังนี้
7.1 การจัดตั้งสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติสาชาภาคและจังหวัด
7.2 การพัฒนาเครือข่ายกองทุนหมู่บ้นและชุมชนเมือง เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนากองทุน
7.3  การดำเนินงานการจดทะเบียนกองทุนหมู่บ้านเป็นนิติบุคคลตามพระราชบัญญัติกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ พ.ศ. 2547
7.4 การดำเนินงานการพัฒนากองทุนที่มีความพร้อมเป็นสถาบันการเงินชุมชน ตามแผนการบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2551
7.5 การดำเนินงานการจัดทำระบบฐานข้อมูล และระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง

นายสุวิทย์ คุณกิตติ

ประธานคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ

โครงการขยายวงเงินกู้จากสถาบันการเงินของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง

แบบ กทบ.9

ผลการดำเนินงานกองทุนหมู่บ้าน ตั้งแต่  ปี พ.ศ.2544 จนถึง ปี พ.ศ.2557

ข้อมูลจาก สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ https://www.parliament.go.th/ewtadmin/ewt/parbudget/e

สถานะทางกฏหมายของสถาบันการเงินชุมชน

สถาบันการเงินชุมชน เป็นกิจกรรมหนึ่งของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ซึ่งจดทะเบียนแล้ว เป็นหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายให้ดำเนินกิจการทางปกครองแทนรัฐจึงเป็น “หน่วยงานทางปกครอง” และเป็นบริการสาธารณะ ตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด คดีหมายเลขแดงที่ อ.๑๖๕๖/๒๕๕๙ และคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้าน ที่มีตำแหน่ง จึงเป็น“เจ้าหน้าที่ของรัฐ”ตามมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.๒๕๔๒

ข้อมูลจาก เรื่องเล่าคดีปกครอง โดย ลุงเป็นธรรม https://www.admincourt.go.th/admincourt/site/09book_list-2.html
ข้อมูลจาก เรื่องเล่าคดีปกครอง โดย ลุงเป็นธรรม https://www.admincourt.go.th/admincourt/site/09book_list-2.html

ปัจจุบัน มี กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ที่ยกระดับเป็นสถาบันการเงินชุมชน ทั่วประเทศจำนวนเท่าไหร่ (ไม่มีข้อมูล)มีการพยายามพลักดันให้มีออกระเบียบมารองรับการเป็นสถาบันการเงินชุมชน ตลอดมา 17 ปี จนบัดนี้ ยังไม่มีระเบียบรองรับสถาบันการเงินชุมชน แต่อย่างใด มีแต่ร่างระเบียบ หลาย ฉบับด้วยกัน แต่ก็เป็นร่างระเบียบเท่านั้น ไม่มีผลการใช้บังคับแต่อย่างใด

ความคืบหน้าล่าสุด

มีหนังสือแจ้งเกี่ยวกับร่างระเบียบคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ว่าด้วยการจัดตั้งและบริหารสถาบันการเงินชุมชน พ,ศ,….     ของคณะอนุกรรมการยกร่างระเบียบสถาบันการเงินชุมชนได้เผยแพร่ร่างระเบียบดังกล่าว ไปยังกองทุนหมู่บ้านทั่วประเทศ

มีคำถามจากกลุ่มเครือข่ายคนรักกองทุนหมู่บ้าน ว่า คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ มีอำนาจออกระเบียบ คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ว่าด้วยการจัดตั้งและบริหารสถาบันการเงินชุมชน พ.ศ. ………….หรือไม่ ??? อย่างไร ?????

ความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน

คำถาม ถาม ว่า คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ มีอำนาจออกระเบียบสถาบันการเงินชุมชน หรือไม่???

คำตอบ  คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ มีอำนาจ ออกประกาศ ระเบียบ ข้อบังคับ หรือคำสั่ง เพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติ นี้ ทั้งนี้ ตามพระราชบัญญัติกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๗ มาตรา 19(16)

คำถาม พระราชบัญญัติกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ พ.ศ. 2547 มีส่วนไหน มาตราไหน ที่ให้อำนาจ คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ออกระเบียบ สถาบันการเงินชุมชน หรือไม่ ?????

คำตอบ ไม่มี 

แต่จะมี บัญญัติ ไว้ท้าย พระราชบัญญัติกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ พ.ศ. 2547 ในส่วนของหมายเหตุ ความว่า

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่การเสริมสร้างกระบวนการพึ่งพาตนเองของหมู่บ้านและชุมชนเมืองด้วยการให้ชุมชนเป็นผู้กำหนดอนาคตและจัดการหมู่บ้านหรือชุมชนตามภูมิปัญญาหรือทุนทางสังคมของตนเองในด้านการเรียนรู้ การสร้างและการพัฒนาความคิดริเริ่มเพื่อการแก้ไขปัญหา การสร้างศักยภาพและความเข้มแข็งทางด้านเศรษฐกิจและสังคมของประชาชนและองค์กรชุมชนในหมู่บ้านและชุมชนเมือง รวมทั้งการกระตุ้นเศรษฐกิจของหมู่บ้านและชุมชนเมืองอันเป็นเศรษฐกิจระดับฐานรากของประเทศ ตลอดจนการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางด้านเศรษฐกิจและสังคมโดยเฉพาะการจัดระบบสวัสดิการในชุมชนมีความสำคัญและเป็นสิ่งจำเป็น จึงได้จัดตั้งกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติขึ้น เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนสำหรับจัดสรรเงินทุนหมุนเวียนแก่กองทุนหมู่บ้านเป็นกลไกให้ประชาชนในหมู่บ้านหรือชุมชนเมืองนำไปใช้ในการพัฒนาอาชีพ สร้างงาน สร้างรายได้ หรือเพิ่มรายได้ และลดรายจ่ายในหมู่บ้านหรือชุมชนเมือง และเพื่อให้กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ รวมทั้งกองทุนหมู่บ้านและกองทุนชุมชนเมือง สามารถพัฒนาเป็นสถาบันการเงินชุมชนในอนาคต โดยมีกระบวนทัศน์ด้านการบริหารและการพัฒนาที่มุ่งสร้างกระบวนการเรียนรู้ ที่มีรูปแบบ วิธีการคิด และมุมมองที่เปิดกว้างมีคุณธรรม และมีการเรียนรู้ร่วมกันโดยอาศัยหลักของการเอื้ออาทรในรูปแบบกัลยาณมิตร ตลอดจนมีการสร้างและพัฒนาความคิดความเข้าใจให้เป็นระบบในลักษณะของการบูรณาการทุกเรื่องเข้าด้วยกันและสนับสนุนให้เกิดเครือข่ายกองทุนในทุกระดับอย่างยั่งยืนและต่อเนื่อง  จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้

คำถามต่อไป ว่า หมายเหตุท้าย พระราชบัญญัติกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ พ.ศ. 2547  เป็นส่วนหนึ่งของพระราชบัญญัติกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ พ.ศ. 2547หรือไม่ ???

คำตอบ หมายเหตุ ในพระราชบัญญัตินั้นเรารู้กันอยู่แล้วว่าเป็นส่วนหนึ่งซึ่งไปปรากฏในราชกิจจานุเบกษา ดังนั้นจึงต้องถือว่าหมายเหตุเป็นส่วนหนึ่งของพระราชบัญญัติซึ่งเมื่อมีปัญหาเกี่ยวกับข้อกฎหมายในพระราชบัญญัติการตีความก็จะต้องมาดูหมายเหตุท้ายพระราชบัญญัตินั้นๆ

ดังนั้น คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ จึงมีอำนาจ ออกระเบียบดังกล่าวได้

 

Posted on

ทางเลือก – ทางรอด

21  ปี กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง

ทางเลือก & ทางรอด !!!

“งานกองทุนหมู่บ้านและสถาบันการเงินชุมชนในสถานการณ์วิกฤต”

วันที่ 24 – 25 มิถุนายน 2565 ณ สถาบันการเงินชุมชนบ้านหาดเจ้าสำราญ ทางเลือก & ทางรอด !!! “งานกองทุนหมู่บ้านและสถาบันการเงินชุมชนในสถานการณ์วิกฤต” “แนวทางการจัดตั้งกองทุนสำรองกลาง เพื่อเสริมสภาพคล่อง/เพื่อแก้ไขปัญหาเงินทุนหมุนเวียน”สำหรับผู้บริหาร/คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและสถาบันการเงินชุมชน จัดโดยสมาคมกองทุนหมู่บ้าน/ชุมชนเมืองและกลุ่มออมทรัพย์ เอื้อเฟื้อสถานที่โดย สถาบันการเงินชุมชนหาดเจ้าสำราญนอก จังหวัดเพชรบุรี

ขอเชิญรับชมการบรรยาย ชื่อ ” หาดเจ้าสำราญ โมเดล สำหรับสถาบันการเงินชุมชน ”

โดย นายณัฎฐนันท์ สุรภาอรรถวิชญ์

ประธานสถาบันการเงินชุมชนหากเจ้าสำราญนอก ต.หาดเจ้าสำราญ อ.เมือง จ.เพชรบุรี ผู้มีวิสัยทัศน์.

 

สร้างสรรค์โดย Thamnugounlaw.com

สมาคมกองทุนหมู่บ้านชุมชนเมืองและกลุ่มออมทรัพย์